1. Glastonbury Festival (เทศกาลกลาสตันเบอรี่) - สหราชอาณาจักร
เทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นที่ฟาร์ม Worthy Farm ในเมือง Somerset ประเทศอังกฤษ มีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1970 รวมศิลปินทุกแนวดนตรีตั้งแต่ร็อค ป๊อป อิเล็กทรอนิกส์ ฮิพฮอพ และแนวอื่นๆ มากมาย นอกจากดนตรีแล้วยังมีการแสดงศิลปะ ละครเวที และกิจกรรมทางวัฒนธรรม บรรยากาศเป็นเอกลักษณ์ด้วยโคลนและสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนของอังกฤษ แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความสนุกของผู้ร่วมงานที่มีมากกว่า 200,000 คนต่อปี

2. Coachella Valley Music and Arts Festival (เทศกาลโคเชลล่า) - สหรัฐอเมริกา
จัดขึ้นในทะเลทราย California เป็นเทศกาลที่รวมทั้งดนตรีและศิลปะ โดดเด่นด้วยการจัดงานในบรรยากาศทะเลทรายที่สวยงาม มีศิลปินระดับโลกมาร่วมแสดง งานศิลปะขนาดใหญ่ที่สร้างสรรค์ และแฟชั่นที่เป็นเอกลักษณ์ จนกลายเป็นเทรนด์แฟชั่นระดับโลก จัดขึ้นในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี และแบ่งเป็นสองสุดสัปดาห์ที่มีไลน์อัพศิลปินเหมือนกัน

3. Tomorrowland (เทศกาลทูมอร์โรว์แลนด์) - เบลเยียม
เทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นที่เมือง Boom ประเทศเบลเยียม โดดเด่นด้วยการออกแบบเวทีที่อลังการและแฟนตาซี เสมือนดินแดนในเทพนิยาย รวบรวม DJ ชื่อดังระดับโลกมาร่วมแสดง มีผู้เข้าร่วมงานจากทั่วโลกมากกว่า 400,000 คน จัดขึ้นในช่วงกลางปี และมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก

4. Fuji Rock Festival (เทศกาลฟูจิร็อค) - ญี่ปุ่น
เทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น จัดขึ้นที่รีสอร์ทสกี Naeba ในจังหวัด Niigata มีฉากหลังเป็นภูเขาที่สวยงาม รวมศิลปินทั้งจากญี่ปุ่นและนานาชาติ จุดเด่นคือการผสมผสานระหว่างดนตรีและธรรมชาติได้อย่างลงตัว มีเวทีกระจายอยู่ในพื้นที่ธรรมชาติ ผู้เข้าร่วมงานต้องเดินผ่านเส้นทางในป่าเพื่อไปยังเวทีต่างๆ สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่

5. Roskilde Festival (เทศกาลรอสกิลด์) - เดนมาร์ก
หนึ่งในเทศกาลดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1971 ที่เมือง Roskilde ประเทศเดนมาร์ก เป็นเทศกาลที่ไม่แสวงหากำไร รายได้ส่วนใหญ่นำไปบริจาคเพื่อการกุศล มีการแสดงดนตรีหลากหลายแนว ทั้งร็อค เมทัล ฮิพฮอพ อิเล็กทรอนิกส์ และดนตรีทดลอง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางศิลปะ การแสดง และกิจกรรมทางสังคมมากมาย

แต่ละเทศกาลมีเอกลักษณ์และจุดเด่นที่แตกต่างกัน ทำให้ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้มาร่วมประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร Shutdown123